Brad’s Status หนังเพ้อ ที่ชวนให้เราตั้งคำถามกับตัวเอง

Alternative Textaccount_circle
event

            หลังจาก The Secret Life of Mitty ได้สร้างความประทับใจให้กับใครหลายๆ คน มาครั้งนี้ Walter Mitty ยังคงพกพาความเพ้อมากับหนังเรื่องใหม่อย่าง Brad’s Status อีกด้วย

ต้องยอบรับว่า The Secret Life of Mitty เป็นหนึ่งในหนังในดวงใจของเรา แต่เราก็ไม่ได้ติดตามหนังของ Ben Stiller มากนัก Brad’s Status จึงเป็นเหมือนหนังเรื่องที่สองที่เราตั้งใจมาดูผลงานของ Ben Stiller ซึ่งก็ไม่ทำให้เราผิดหวังจริงๆ เพราะตา Brad Sloan (รับบทโดย Ben Stiller) ยังคงเพ้อเหมือนเคย จึงแอบนึกว่าเป็น Mitty ภาค 2 หรือเปล่า!?

เรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Brad Sloan ได้ก้าวเข้าสู่วัยกลางคน เพื่อนๆ ที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกันล้วนต่างประสบความสำเร็จกันแล้วทั้งสิ้น บ้างก็มีชื่อเสียง บ้างก็ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี แต่ตัวเองกลับยังย่ำต๊อกอยู่กับที่

Brad’s Status

หนังพาเราเล่าถึงความคิดต่างๆ นานาที่เข้ามาในหัวของ Brad ความสับสนในชีวิต ความน้อยเนื้อต่ำใจในชะตาของตนเอง ความภูมิใจในตัวเองที่ร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ แม้กระทั้งความอิจฉา ริษยาคนอื่นไปทั่ว จนอดคิดไม่ได้ว่า ตานี่แกจะคิดเยอะไปถึงไหน แต่จริงๆ แล้ว หนังกำลังตั้งคำถามกับคนดู ให้มีการเปรียบเทียบกับตัวเองอยู่เรื่อยๆ เพราะสิ่งที่เข้ามาในความคิดของ Brad นั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ผ่านเข้ามาในความคิดของผู้คนในชีวิตประจำวันทั้งสิ้น และหนังยังเลือกเล่าในมุมมองที่ต่างออกไปของเด็กรุ่นใหม่ คือ Troy Sloan (รับบทโดย Austin Abrams จาก Paper Towns, The Kings of Summer) ลูกชายคนเดียวของ Brad ที่กำลังก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยและเป็นวัยที่อัดแน่นไปด้วยความฝัน และ Ananya (รับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่อย่าง Shazi Raja) นักศึกษาที่กำลังเรียนคณะเดียวกับ Brad ที่ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ และมองเห็นค่าของมันมากกว่าค่าของเงิน ทั้งสองจึงป็นบทสมทบที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้หนังเรื่องนี้แข็งแรงและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

แม้ Brad’s Status จะไม่ใช่หนังที่ดูง่าย แต่ก็ไม่ใช่หนังดูที่ยากจนเกินไปนัก เพราะหนังสามารถเล่าเรื่องหนักๆ ของชีวิตได้อย่างมีอารมณ์ขัน แต่ก็แอบตบเราด้วยความจริงอันโหดร้ายอยู่เนืองๆ และอีกส่วนหนึ่งของหนังที่ค่อนข้างทำได้ดี ก็คือ ช่วง “อารมณ์ซึ้ง” ของหนังที่ทำได้อย่างเรียบง่าย และเป็นธรรมชาติ จนอาจเรียกน้ำตาจากใครหลายๆ คน ได้เลยทีเดียว

ในส่วนที่เราอาจจะรู้สึกไม่ชอบบ้าง คงจะเป็นการดำเนินเรื่องช่วงแรกที่ค่อนข้างน่ารำคาญนิดๆ อาจเพราะจำเป็นต้องปูพื้นของตัวละครให้เห็นถึงความเป็นคนคิดเยอะ (เกินนนน) แต่ก็ต้องยอมรับว่าทำให้ช่วงท้ายของเรื่องสมบูรณ์และเห็นถึงความมีเสน่ห์ของตัวละครได้จริงๆ

หลังดูหนังจบ เราขอมอบคะแนนให้ 7/10 แต่โดยดี ที่หักไปบ้างเพราะแม้หนังเรื่องนี้จะดูเป็นหนังอารมณ์ดี ดูง่าย แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด หนังเรื่องนี้ที่เหมาะกับคนดูวัยมหาวิทยาลัยตอนปลายหรือวัยทำงานขึ้นไป สำหรับเด็กจะค่อนข้างดูยาก …แต่ผู้ใหญ่ดูดีนะเออ

 

เรื่อง : TUM:P

ขอบคุณภาพ Scenes Media , Wikipedia

 

อ่านรีวิว หนังน่าดู ในช่วงนี้ หรือ เรื่องราวเกี่ยวกับหนัง ได้ที่นี่ค่ะ

Wonder หนังที่บอกทุกคนว่าเวลาและความรักมีค่า

Wind River หนังที่ดูแล้ว หนาวไปถึงขั้วหัวใจ

หนังรัก 10 เรื่องในดวงใจ ยังจำได้ไหม ว่าอินเรื่องไหนกันบ้าง

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up