พัฒนาการความสวยของ อั้ม พัชราภา

Alternative Textaccount_circle
event

วันนี้สุดฯ จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับซุปฯ ตาร์สาวสวยเบอร์ต้นของเมืองไทย จะเป็นใครไปได้นอกจาก อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ นั่นเอง ถึงแม้จะอยู่ในวงการมานาน แต่ความฮอตและความสวยไม่เคยสร่างตามอายุนะจ๊ะ อย่างว่าแหละนะ แม่…ก็คือแม่อยู่วันยังค่ำ

1-6

 

หลายคนอาจจะทราบกันอยู่แล้วว่า อั้ม พัชราภา เข้าวงการมาจากเวทีการประกวดสาวแฮ็คส์ ก่อนจะได้เซ็นต์สัญญาร่วมงานกับช่อง 7 และโด่งดังเป็นดาวค้างฟ้ามาจนถึงตอนนี้ แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เธอผ่านผลงานอะไรมาบ้าง เราไปดูกันดีกว่า

ปี 2540 : ย้อนกลับไปหลายปีเลยนะเนี่ย ปีนี้เป็นปีที่คุณแม่ของเราเข้าร่วมประกวดสาวแฮ็คส์ และได้รางวัลชนะเลิศ ก่อนจะได้รับการทาบทามจากช่อง 7 จนมีผลงานละครเรื่องแรกอย่าง “มณีเนื้อแท้” กับบทบาทนางเอกสาวอย่าง พลอยไพลิน คู่กับหนุ่ม คงกระพัน

2-6

 

ปี 2541 : หลังจากละครเรื่องแรกออกอากาศ ปีนี้ก็เลยมีผู้จัดเข้ามาดอมดมจนมีผลงานละครคลอดออกมาอีก 3 เรื่อง อย่าง “อีสา-รวีโชติช่วง”, “ชวนฝันพนันรัก”, “คู่เขยคู่ขวัญ” …โห ดูรูปตั้งแต่เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนสิ ขุ่นแม่สวยน่ารักแต่เด็กเลยนะ

3-5

 

ปี 2542 : ปีนี้อั้มมีผลงานละครถึง 4 เรื่อง นั่นก็คือ “ลูกหว้า”, “รักสองภพ”, “แม่นาค” และ “พลับพลึงสีชมพู” (เรื่องสุดท้ายนี่เป็นละครเย็นที่สุดฯ ชอบมาก) แต่ตอนนั้นสาวอั้มยังคีบลุคนางเอกสาวเรียบร้อย ใสๆ ไม่ได้เซ็กซี่จนหนุ่มๆ น้ำลายหกอย่างทุกวันนี้ #มีความหน้าเป๊ะแต่เด็ก #กราบค่า

4-5

 

ปี 2543 : ถึงจะมีละครแค่สองเรื่อง คือ “มรสุมแห่งชีวิต กับ “รากนครา” แต่บทเจ้าแม้นเมืองในเรื่องรากนครา ก็ทำเอาสาวอั้ม “ปัง” เลยล่ะ

5-2

 

ปี 2544 : เธอมีผลงานละครออกมาอีก 4 เรื่องในปีนี้ “เพชรตัดเพชร”, “ทัณฑ์กามเทพ”, “รักของฟ้า” (ละครเทิดพระเกียรติ) และเรื่องสุดท้าย “คมพยาบาท” กับบทอีเปีย ที่อั้มพลิกมาเล่นร้ายจนคนเกลียดทั่วบ้านทั่วเมือง

6-1

 

ปี 2545 : ถึงจะมีผลงานละครแค่ 2 เรื่อง อย่าง “จิตสังหาร” และ “จารชนยอดรัก” แต่กระแสของเธอก็ค่อนข้างดีเลยล่ะ เพราะเป็นละครบู๊ที่มีความแปลกใหม่ทั้งสองเรื่องเลย

7-1

 

ปี 2546 : ถือว่าเป็นปีทองของสาวอั้มเลย นอกจากจะมีผลงานละครถึง 3 เรื่อง อย่าง “กามเทพตัวน้อย”, “เดิมพันวิวาห์” และ “โซ่เสน่หา” เรื่องสุดท้ายเนี่ยกระแสฮอตฮิตติดลมบน เพราะว่าตอนนั้นสาวอั้มเป็นคนแรกๆ เลยที่พลิกบทบาทนางเอกสาวเรียบร้อยใสๆ ให้มั่นใจ กล้าสู้คน แถมยังฉีกลุคมาด้านเซ็กซี่อย่างเต็มตัวขึ้นปกนิตยสาร Lips จนเป็นที่ฮือฮากับท่าทางอันน่าหวาดเสียวของเธอ

8-1

 

อีกทั้งในภาพยนตร์เรื่องแรก “FAKE โกหกทั้งเพ” ชียังสวยและเอ็กซ์มาก ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เธอขึ้นแท่นนางเอกเบอร์หนึ่งของช่อง 7 และกลายเป็นเซ็กซี่สตาร์ตัวแม่ของวงการ

9-1

 

ปี 2547 : งานละครของเธอก็ยังคุณภาพคับแก้วเหมือนเดิม หลากหลายแนวทั้งบู๊ๆ มันส์กับ “7 พระกาฬ” ย้อนยุคพีเรียดอย่าง “ฟ้าใหม่” และโรแมนติกคอเมดี้ที่ติดกันงอมแงมทั่วบ้านทั่วเมืองอย่าง “นางสาวจริงใจกับนายแสนดี” ที่อั้มได้ประคู่กับสามีแห่งชาติอย่างพี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ (เรื่องนี้สนุกมากๆ ขอแนะนำให้ไปดู ^^)

10

 

ปี 2548 : ปีนี้ผลงานของเธอก็ยังเป็นที่ฮือฮาอีกเช่นเคย โดยเฉพาะเรื่อง “สองเสน่หา” กับ “เพลิงพายุ” (นายกยังพูดถึงอ่ะ ฮอตขนาดไหนคิดดูสิ!!!) แต่ยังไม่หมดนะ ยังมีละครอีกสองเรื่องอย่าง “เชลยบาป” กับ “เหมราช” ออนแอร์ตามกันมาติดๆ

11

 

ปี 2549 : ยังคงงานละครชุกเหมือนทุกปี เลยมีผลงานออกมาให้แฟนได้เห็นหน้าเห็นตาถึง 3 เรื่อง “สายเลือดแห่งรัก”, “แรงฤทธิ์พิศวาส” และละครแซ่บนัวตบกันรัวๆ อย่าง “ปิ่นมุก” (เรื่องนี้บอกเลยว่าทรงผมชีเก๋มาก)

12

 

ปี 2550 : ถึงจะมีผลงานละคร “บุพเพเล่ห์รัก” แค่เรื่องเดียว แต่เธอก็มีหนังอีกเรื่องให้แฟนได้หายคิดถึงอย่างเรื่อง “ผีเลี้ยงลูกคน”

13

 

ปี 2552 : ปีนี้ละครนางแซ่บทุกเรื่อง ทั้ง “เมียหลวง” กับบทอรอินทร์ที่ร้ายจนน่าตบ “กุหลาบเหนือเมฆ” ที่ปะทะกับ นุ่น วรนุช จนมีการแบ่งทีมเพื่อนน้ำเพื่อนรินกันใหญ่ และเรื่องสุดท้ายที่อั้มรับบทเจ๊ดันจน เป้ อารักษ์ ได้แจ้งเกิด พร้อมกับประโยคฮิต “แจ๋ว…จัดให้” อย่าง “แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา” เรื่องนี้สนุกมาก แฟนละครคอมเมดี้ห้ามพลาด!!!

14

 

อ่านเรื่องราวมันๆ พร้อมชมภาพสวยๆ ของสาวอั้มต่อได้ที่หน้าถัดไปค่า

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up