account_circle
คนจะงาม งามที่ใจใช่ใบหน้า ประโยคนี้ลอยติดหูมาทันทีหลังจากที่ได้ฟังบทสัมภาษณ์ของผู้หญิงตัวสูงปรี๊ดอย่าง มด หรือ มาดามมด ที่หลายคนคงได้รู้จักเธอผ่านรายการสอนภาษาอังกฤษสุดฮาอย่าง ภาษา Plaza ออกอากาศทาง Play Chanel ภายใต้เมคอัพหนาและขนตาที่เปรียบประหนึ่งกันสาดบนใบหน้า รวมถึงชุดแต่งกายที่มาจากไอเดียสร้างสรรสุดบรรเจิดที่เห็นทีไรเป็นอันต้องเรียกเสียงแฟลชและสายตาพร้อมรอยยิ้มจากทุกคนได้ทุกครั้งนั้น มาดามมดได้ซ่อนมุมมองความคิดสุดพิเศษเอาไว้ พูดได้เลยว่า หากไม่ได้มานั่งสัมภาษณ์เธอคนนี้ คงเสียดายและเสียใจแน่ๆ มาทำความรู้จักกับ มาดามมด ให้มากขึ้นกันดีกว่า ซึ่งจะทำให้คุณแปลกใจปนชื่นชมไม่น้อย จะได้รู้ว่า มาดามมดมีของมากกว่า การเอนเตอร์เทน คนจริงๆ
ในโลกที่เหมือนจะวัดทุกอย่างจากภายนอกอย่างปัจจุบัน ถ้าให้บอกอะไรบางอย่างแก่คนที่คิดว่าตัวเองสวยน้อยไป จนอยากไปทำอะไรให้สวยขึ้น จะบอกว่า
คำตอบง่ายๆ คือเป็นตัวของตัวเอง ยอมรับว่ามีคนที่ทำแล้วดูดี มั่นใจขึ้น หรือทำเพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเอง แบบนั้นมดชื่นชมนะ แต่ถ้าทำเพราะรู้สึกว่าเราอยากหน้าเหมือนใครหรืออยากสวยเหมือนใคร มันคือการหนีจากตัวเอง ง่ายที่สุดเราต้องพอใจในตัวเองก่อน จริงๆ แล้วความมั่นใจมันสร้างได้จากข้างใน คนที่ทำไม่ผิด แต่ถ้าทำแล้วข้างในก็ยังไม่มีความมั่นใจ ต่อให้สวยแค่ไหนก็ไม่ใช่อยู่ดี
เวลาไปออกงาน อาทิ เป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ต มุกที่มาดามมดมักหยิบยกขึ้นมาคือการพูดถึงเรื่องความสวยของตัวเอง จริงๆ แล้วมองตัวเองอย่างไรในเรื่องนี้
มดกล้าพูดว่าไม่ยึดติดกับเรื่องนี้ มดรู้นะว่าอย่างไหนที่เรียกว่าสวย อย่างไหนที่เรียกว่าหล่อ แต่นั่นก็คือมุมมอง คนในอีกซีกโลกเขาอาจจะไม่ได้มองคำว่าสวยเหมือนเรา ถามว่ามุมมองที่มีต่อตัวเองเป็นอย่างไร มดไม่ใช่คนติดสวย แล้วก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองดีหรือแย่ มดแค่ทำสิ่งที่ตัวเองทำแล้วมีความสุขเท่านั้น
เคยสัมภาษณ์นักแสดงหลายคน เขาบอกว่าการทำให้คนหัวเราะนั้นยากกว่าทำให้คนร้องไห้ตามเสียอีก
(นิ่งคิด) ตอนเหนื่อยเพราะทำงานเยอะก็เคยมีคำถามกับตัวเองว่าเราจะทำแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะสิ่งที่ทำต้องใช้พลังเยอะ และค่อนข้างห่างไกลจากตัวจริงพอสมควร เคยถามคำถามนี้หลายครั้ง แต่หลังๆ พยายามไม่กดดันตัวเองและใช้ชีวิตให้สบายขึ้น เพราะยิ่งกดดัน ยิ่งคิด ก็ยิ่งแย่ คิดว่าแม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่ต้องมีสติ พอสติมาเราจะรู้สึกรีแล็กซ์ขึ้น จริงๆ แล้วมดได้อะไรหลายอย่างจากการทำงานตรงนี้นะ ที่บอกว่าตอนเด็กชอบดูละครมาก เราไม่เคยคิดว่าคนถ่ายจะเหนื่อย รู้สึกว่าสนุกจัง แต่พอมาทำจริงๆ ละครที่เห็นในจอไม่กี่นาทีหรือไม่กี่วินาทีนั้นต้องถ่ายกันเป็นวันก็มี เลยรู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลยกับการทำงานตรงนี้
เคยแพลนไว้ไหมครับว่า เราจะถอดความเป็นมาดามมดออกไปจากตัวเมื่อไหร่
เคยคิดไว้ว่าหลังจากที่เราได้ทำอะไรใหม่ๆ หรือทำสิ่งที่อยากทำจนหมดและเริ่มอิ่มตัวจากการทำงานตรงนี้แล้ว ก็อาจจะกลับไปเป็นอาจารย์
มาดามมดตอนโกรธเป็นอย่างไร
มดไม่ใช่คนที่โกรธแล้วแสดงออกหรือฟึดฟัด อารมณ์โกรธน่ะมี แต่จะปล่อยผ่านไปเร็วมาก ถ้าโกรธจะนั่งนิ่งๆ เงียบๆ ถ้ามันมาต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด เพราะงานที่เราทำมันต้องใช้อารมณ์ด้านดี ถ้าอารมณ์เสียเมื่อไหร่จะมู้ดดี้ จะหม่น เพราะในการทำงานเราเจอคนหลายประเภท มีทั้งคนที่รู้สึกไม่ดีก็พูด แสดงออกมาหรือปฏิบัติไม่ดี
ยังจำเหตุการณ์ที่ตัวเองอารมณ์ไม่ดีได้ ตอนนั้นเพิ่งทำงานใหม่ๆ มีวันหนึ่งทำงานเหนื่อยมาก เค้นต่อไม่ไหว เลยคิดว่าในเมื่อเราเค้นต่อไม่ไหวแล้วทำไมยังต้องพยายามทำให้มันตลกอยู่ เราควรจะหยุดและรีแล็กซ์ แต่เมื่อหยุดไม่ได้ก็ต้องดำเนินต่อ ทั้งที่ใจหม่นแล้ว แต่นั่นก็คือ ตอนเพิ่งเข้ามาทำ ระหว่างทางตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้มดว่าตัวเราเองก็ได้เรียนรู้อะไร หลายอย่าง เราโตขึ้นด้วยเลยไม่ค่อยเกิดอารมณ์แบบนั้นอีก ตอนนี้อาจจะมีคนที่บอกว่ามดเรื่องเยอะขึ้น แต่ก็เป็นเพราะว่าเราอยากให้งานออกมาดี มดจะไม่เยอะกับอะไรที่ไม่เกี่ยวกับงาน ถ้ามีงานที่ติดต่อเข้ามาแล้วไม่คุ้มค่า มดก็ไม่ทำ ไม่ได้หมายถึงเรื่องเงินอย่างเดียว แต่กับทุกอย่าง มดจะเลือกงานที่เหมาะกับตัวเองและอยากทำเท่านั้น แต่มันอาจจะทำให้คนนอกมองว่าเยอะ
สิ่งหนึ่งที่อยากบอกคนที่อ่านสัมภาษณ์นี้คือคนที่เรียนอยู่หรือทำงาน ถ้ารู้สึกเคว้งและขาดกำลังใจ สิ่งที่ทำให้เราไปต่อได้คือเราต้องรู้ว่า เราชอบอะไร งานที่มดทำอยู่ตรงนี้บางครั้ง มันเหนื่อยจนต้องถามตัวเองว่าทำไปเพื่ออะไร แต่สุดท้ายมดก็ตอบได้ว่า เพราะเรารักสิ่งนี้ไง เรารักที่จะทำตรงนี้ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร เราก็จะผ่านไปให้ได้ คุณก็เช่นกัน ไม่ว่าชีวิตคุณจะเจอเรื่องหนักหนาสาหัสแค่ไหน แต่วันหนึ่งความลำบากนั้นจะสอนคุณ
บางคนมองว่าความรักเป็นกำลังใจในการทำงานอย่างหนึ่ง แล้วอย่างนี้จะหากำลังใจจากไหน
จากตัวเองค่ะ จริงๆ การมีความรักก็เป็นเรื่องที่ดี แต่สำหรับมด มดมีเพียงพอแล้วจากการรักตัวเอง มดเคยผ่านช่วงชีวิตที่ไม่รักตัวเองมา แล้วรู้สึกว่ามันแย่ คนเราถ้าไม่รักตัวเอง ก็อย่าไปรักใครเลย
หลังจากได้คุยกันวันนี้แล้วรู้สึกว่าภายในของมาดามมดนั้นจริง ๆ มีมุมที่งดงามกว่าภายนอกที่เห็น เปรียบไปก็ไม่ต่างจากนางเอกละครเรื่อง แก้วหน้าม้า ที่ข้างนอกต๊ะติ๊งโหน่ง แต่ข้างในสดใส สมมุติว่าเป็นแก้วหน้าม้า อยากให้ใครเป็นเจ้าของว่าวที่เก็บได้
เก็บว่าวได้…หมายถึงอยากให้ใครเป็นพระปิ่นทองเหรอคะ เป็นคำถามที่ตอบยากนะมดไม่ได้นึกถึงเรื่องสเป็คผู้ชายมานานมากแล้ว แต่ถ้าให้นึกตอนนี้ก็น่าจะเป็นคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า เพราะจริง ๆ แล้วเวลาอยู่คนเดียวมดมีความเป็นเด็กงอแง รูปร่างหน้าตาต้องเจอก่อนแล้วถึงบอกได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ แต่จริง ๆ แล้วก็อยากได้แนวเกาหลี เพราะชอบดูซีรี่ส์เกาหลี มดชอบแบบพระเอกเรื่อง พิน็อกคิโอ (นำแสดงโดย อีจงซอกความเป็นมาดามมดเริ่มมามากขึ้นเรื่อย ๆ) จริง ๆ หน้ามดก็มาทางเกาหลีนะ ถ้าคู่ครองของมด จะออกแนวเกาหลีก็ไม่น่าแปลกใจ หลายคนบอกว่าหน้ามดมาทาง ทิฟฟานี่ เคยมีคนถามว่า มดเป็นหนึ่งในสมาชิก เกิร์ลส์เจน ใช่ไหม มดก็จะบอกว่าแค่คนหน้าคล้ายค่ะ (หัวเราะชอบใจ)
