ดาราฮอลลีวูด เลิกยา เลยกลับมาดัง

Alternative Textaccount_circle
event

ช่วงนี้มีข่าวคนดังบ้านเราพัวพันกับยาเสพติด ขอบอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ได้มีแต่ในเมืองไทยเท่านั้น ดาราฮอลลีวูด ดังระดับโลกที่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติดก็มีไม่น้อยเช่นกัน แต่ใช่ว่าชีวิตพวกเขาจะดิ่งเหวจนกู่ไม่กลับ ยังมีคนดังใจเด็ดที่ประกาศตัดขาดกับยาเสพติดแล้วกลับมาโด่งดังได้อีกครั้ง มาทำความรู้จักพวกเขากัน

Robert Downey Jr.

เมื่อพูดถึงโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์แฟนๆ อาจนึกถึงเขา ในบทบาทของ Iron Man ซูเปอร์ฮีโรจากค่ายมาร์เวล ผู้เป็นนักธุรกิจที่หยิ่งผยองและมีมาดเท่เกินใคร แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ก็คือ กว่าเขาจะมายืนบนจุดที่โด่งดังในระดับนี้ได้ โรเบิร์ตได้เคยผ่านมรสุมจากพิษยาเสพติดอย่างหนักหน่วงมาแล้ว

โรเบิร์ตมีชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดกับยาเสพติดมาตั้งแต่เด็ก เขาสูบกัญชาครั้งแรกตอนอายุเพียง 6 ขวบ ซึ่งผู้ที่ชักนำให้เขาสูบกัญชานั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือพ่อของเขานั่นเอง “พ่อกับผมเคยสูบกัญชาด้วยกันเสมอๆ มันเหมือนกับว่าพ่อกำลังแสดงความรักให้กับผมด้วยวิธีเดียวที่พ่อรู้จัก” โรเบิร์ตกล่าว หลังจากที่ได้สัมผัสกับยาเสพติดเป็นครั้งแรก การสูบกัญชากลายมาเป็นกิจกรรมที่ทำให้เขาทำร่วมกับพ่อจนเป็นกิจวัตร และชักจูงให้เขาติดสิ่งอื่นๆ ด้วยในภายหลัง

เส้นทางอาชีพของโรเบิร์ต เริ่มต้นขึ้นจากการเป็นนักแสดงละครบรอดเวย์ จากนั้นจึงได้รับบทเด่นในภาพยนตร์หลายเรื่องในยุค 80s จนได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งนักแสดงดาวรุ่งมาแรงในยุคนั้น แต่บทที่แจ้งเกิดและสร้างชื่อให้เขาก็คือบทของชาร์ลี แชปลิน นักแสดงตลกชื่อก้องในเรื่อง Chaplin ที่ออกฉายเมื่อปี 1992 โรเบิร์ตลงทุนหัดเรียนไวโอลิน และตีเทนนิสด้วยมือซ้ายเพื่อให้แสดงเป็นชาร์ลีได้อย่างสมจริง การแสดงที่ยอดเยี่ยมในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรก

แต่แล้ว ในปี 1996 ยาเสพติดก็เริ่มทำให้ชีวิตของเขาดิ่งลงเหว เขาถูกจับหลายต่อหลายครั้งฐานมีโคเคน เฮโรอีนและกัญชาในครอบครอง ครั้งหนึ่ง เขาถูกจับขณะที่เมายาจนบุกรุกเข้าไปในบ้านของคนอื่น และยังเคยหนีทัณฑ์บน ไม่ยอมเข้ารับการตรวจสารเสพติด จนทำให้ต้องนอนในคุกยาวๆ เป็นเวลาถึงครึ่งปีรวด เขาเข้าๆ ออกๆ สถานบำบัดยาเสพติดอยู่หลายครั้ง จนนิตยสาร People ถึงกับตั้งฉายาให้เขาว่าเป็นคนที่ “แย่มากไปจนถึงแย่ที่สุด”

ในปี 2001 โรเบิร์ตก็เลิกยาได้สำเร็จ แต่คนในวงการก็ยังไม่เชื่อถือเขาง่ายๆ โชคยังดีที่ เมล กิ๊บสัน ยอมวางเงินค้ำประกันให้ (พ่อพระจริงๆ) โรเบิร์ตจึงได้รับบทเป็นตัวเอกในThe Singing Detective โปรดิวเซอร์ของ Gothika หนังเรื่องถัดมาก็ไม่เชื่อมั่นในตัวโรเบิร์ตเช่นกัน โรเบิร์ตต้องยอมเซ็นสัญญาให้ทางกองถ่ายยึดเงินค่าตัวของเขาไว้ 40% จนกว่าหนังจะถ่ายเสร็จ เพื่อเป็นข้อผูกมัดให้เขาถ่ายหนังจนจบ โดยไม่หนีไปเล่นยาซะก่อน

ซึ่งสัญญาแบบนี้กลายเป็นเงื่อนไขที่โรเบิร์ตต้องจำใจยอมรับในอีกหลายๆ งานนับจากนั้นเป็นต้นมา แล้วก็เหมือนพระเจ้ามอบของขวัญให้ ในปี 2008 เขาคว้าบทโทนี สตาร์ก นักธุรกิจพันล้านผู้มีอีกด้านเป็นวีรบุรุษ Iron Man มาได้สำเร็จ เพราะผู้กำกับเห็นว่าเขาเข้าใจในคาแรกเตอร์ของซูเปอร์ฮีโรคนนี้อย่างแท้จริง “โรเบิร์ตมองเห็นประสบการณ์ของเขาเองผ่านเรื่องราวของโทนี สตาร์ก” ภาพยนตร์ Iron Man กวาดเงินรายได้ไปอย่างมหาศาล และยังถูกนำไปสร้างเป็นไตรภาคด้วย ต้องขอบคุณความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ที่ทำให้ทุกวันนี้โรเบิร์ตกลายเป็นมหาเศรษฐีที่มีรายได้รวมถึง 240 ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นเจ้าของรถหรูอีกหลายสิบคันเหมือนกับโทนี สตาร์ก ตัวละครของเขาไม่มีผิด

สำหรับโรเบิร์ตแล้ว การจะก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ เขาบอกว่าคนเราต้องมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนตัวเองอย่างแท้จริง “หลังจากที่ผมถูกจับครั้งสุดท้าย ผมคิดกับตัวเองว่า ผมไม่สามารถทำแบบนี้ต่อไปได้อีก แล้วผมก็ร้องขอความช่วยเหลือ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเอาชนะปัญหาพวกนี้หรอก… สิ่งที่ยากจริงๆ ก็คือการตัดสินใจที่จะทำมันนั่นแหละ”

 

Drew Barrymore

อีกหนึ่งคนดังเคยรุ่ง แต่กลับต้องร่วงหล่นเพราะยาเสพติดก็คือดรูว์ แบร์รีมอร์ เธอเข้าวงการตั้งแต่อายุไม่กี่ขวบ และกลายเป็นดาราเด็กที่ใครๆ ต่างชื่นชมในความน่ารัก แถมยังได้ร่วมแสดงในหนังทำเงินถล่มทลายของยุค 80s อย่าง E.T. The Extra-Terrestrial ด้วย แต่เบื้องหลังแก้มแดงๆ และดวงตาใสๆ ของดรูว์กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าตกตะลึง

เธอต้องแบกรับความกดดันมหาศาลจากการเป็นดาราเด็กที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเด็กๆ ทั่วไป และตั้งแต่พ่อแม่ของเธอหย่าร้างกันตอนเธออายุ 9 ขวบ ชีวิตของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม่ของดรูว์ที่กำลังโศกเศร้าพาเธอไปไนต์คลับแทบทุกคืน ทำให้ดรูว์ได้ลองดื่มเหล้า สูบกัญชา เสพโคเคน และกลายเป็นเด็กน้อยผู้มัวเมากับงานปาร์ตี้ การใช้ชีวิตแบบนั้นติดต่อกันทำให้จิตใจของดรูว์แหลกสลาย พออายุ 13 ปี แม่ของเธอก็ทิ้งให้เธออยู่ในสถานบำบัดสภาพจิตเพียงลำพังเป็นเวลาถึง 1 ปีเต็ม โดยแทบไม่ไปเยี่ยมเธอเลย ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ของแม่ลูกต้องขาดสะบั้นลง หลังจากนั้น ดรูว์ได้หันหลังให้ยาเสพติด และเขียนหนังสืออัตชีวประวัติชื่อ Little Girl Lost เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้เหล่าวัยรุ่นที่อาจหลงผิดแบบเธอ

แต่ใช่ว่าเลิกยาแล้วชีวิตจะรุ่งทันที เพราะเธอไม่สามารถขายความเป็นดาราเด็กที่ใสซื่อบริสุทธิ์ได้อีกต่อไป เธอต้องเล่นหนังฟอร์มเล็กที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จอยู่หลายเรื่อง ก่อนจะเริ่มกลับมามีชื่อเสียงกับบทเล็กๆ แต่เป็นที่จดจำใน Scream ภาคแรก และกลับมาแจ้งเกิดได้เต็มตัวอีกครั้งกับหนังโรแมนติกคอมิดีเรื่อง The Wedding Singer ในปี 1998 ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นเจ้าแม่หนังโรแมนติกคอมิดีมาอีกนานหลายปี ดรูว์เคยพูดถึงการกลับมาเป็นดาราดังทั้งที่หลายคนเคยทำนายว่าเธอจะไม่มีอนาคตว่า “ความสำเร็จคือการแก้แค้นที่ดีที่สุดในโลก” ส่วนผลงานที่โด่งดังที่สุดของดรูว์ในวัยผู้ใหญ่คงหนีไม่พ้น Charlie’s Angels นั่นเอง

ปัจจุบันเธอกลายเป็นคุณแม่ลูกสองไปเรียบร้อยแล้ว “ฉันคงไม่มีลูก ถ้าไม่มั่นใจว่าสภาพจิตใจของฉันเป็นปกติจริง และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อลูก” ดรูว์กล่าว

 

ภาพ:www.dailymail.co.uk,www.imdb.com/name,www.campusghanta.com,http://www.theartofmovieposters.com,muzul.com/de/beauty/drew-barrymore,www.amazon.com,movie-roulette.com,cinemorgue.wikia.com,www.aceshowbiz.com/news

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

5 อันดับ ซีรีส์น่าดู ประจำเดือนเมษายน

ข่าวล่ามาแรง ฟ่านปิงปิง จะแต่งงานแล้วจ้า

ซอลต์ เบ เชฟฮ็อตสะท้านโลก (ออนไลน์)

 

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up